tag:blogger.com,1999:blog-66804565650657412752024-03-18T20:20:57.317-07:00** Tikumpornbuncherd **sangraweehttp://www.blogger.com/profile/08566253941739990448noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-6680456565065741275.post-22923958409592805452007-10-10T07:12:00.000-07:002007-10-10T07:12:46.567-07:00การวาดภาพ<div align="center"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5113699376684749442" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 250px; TEXT-ALIGN: center" height="292" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEimcPNT4NRHi5XMHTSkagizmC0vLMaJqtREXm6V9xWIRINB1R6GWPkmAhKs2-0RZK2YkJMX2t3ax4pxDxAO6cxbN5QqUWzWUpG9QHOq92nXaXYjCD9q4VsDd0dT_uqnPAkRXAtMYQnrDrc/s320/SNV30907.jpg" width="320" border="0" /> เป็นการวาดภาพโดยที่ไม่มีการร่างด้วยดินสอเป็นการวาดด้วยปากกาเลย และเป็นการลงสี่ทีมีการไล่สี -สีตามโทนแต่ละโทน จะมีโทนร้อน โทนเย็น</div><br /><br /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5113701163391144594" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 324px; CURSOR: hand; HEIGHT: 258px; TEXT-ALIGN: center" height="222" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjILykTqYsLDqRbgSilUCAMtXsZCABjfwVDb6ltD20KO803NAc9LTHXyOWyofry09aCxIUS2q5I1jfUh6a6YxCz6-t8U0NPcEvDQaBR7XULLqGs_mlxvNx0xKTg8UiqY_xCUbxfkhdURXI/s320/SNV30908.jpg" width="283" border="0" /><br /><p>ในบึงน้ำแห่งหนึ่งมีพวกอึ่งอ่างอยู่มากมาย และวันหนึ่งมีวัวตัวหนึ่งเดินเข้ามาในบึงน้ำ<br /></p><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5115117179748897554" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgOyp9RG9r4juYpiNLV2fhQ9fLvTnjhtty7PXnjKXme0J9xY14KS_HqtZ0qMOcewlD9_hBi9ALYEZVp-fRdhuancOkMZdHt1c5c2M8qgcDeonJGvBnjCnmdmHxX394Sl4JLcHXK_yTbowo/s320/SNV30909.jpg" border="0" /></p><p>ขณะที่วัวกำลังลงมากินน้ำนั้นได้เหยีบลูกอึงอ่างตายไปหลายตัว</p><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5115117321482818338" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjooowvtUQnAXHMGIk_jl64bUFpHdD6T-P1REeLJUI-USJxNBgGxpHK8Gbl3-7uS2qfYSZHtu5MxHITIr6WnibOhh3LqSIKqiP31Ozs-wo_a0l-1KDgVqWapyQbepru-w9KSLuyTGnXfa4/s320/SNV30911.jpg" border="0" /> โอ้แม่จ๋าขณะที่พวกเรากำลังเล่นน้ำอยู่นั้นมีวัวตัวหนึ่งเหยีบพวกเราตายไปหลายตัว</p><p>ขั้นตอนในการออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน </p><p>ขั้นตอนในการออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผู้สนใจสร้างคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนจำเป็นต้องศึกษาขั้นตอนในการออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และ นำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติก่อนที่จะลงมือสร้าง เพราะการ สร้างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยไม่มีขั้นตอนการออกแบบที่แน่ชัด นอกจากจะ ทำให้เกิดการเสียเวลาแล้วยังส่งผลให้ได้งานซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์หรือ ไม่มีประสิทธิภาพได้ Alessi and Trollip, 1991 </p><p>ได้เสนอขั้นตอนการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่น่าสนใจ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการออกแบบ 7 ขั้นตอน โดยสามารถทำเป็นAlessi and Trollip, 1991</p><p>ขั้นตอนที่ 1. ขั้นตอนการเตรียม (Preparation)</p><p>- กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ (Determine Goal and Objective) </p><p>- รวบรวมข้อมูล (Collect Resources) - เรียนรู้เนื้อหา (Learn Content) </p><p>- สร้างความคิด (Generate Ideas)</p><p>ขั้นตอนที่ 2. ขั้นตอนการออกแบบบทเรียน (Design Instruction) </p><p>- ทอนความคิด (Elimination of Idea) </p><p>- วิเคราะห์งานและแนวคิด (Task and Concept Analysis) </p><p>- ออกแบบบทเรียนขั้นแรก (Preliminary lesson Description) </p><p>- ประเมินและแก้ไขการออกแบบ (Evaluation and revision of the design) </p><p>ขั้นตอนที่ 3. ขั้นตอนการเขียนผังงาน (Flowchart Lesson) </p><p>ผังงานคือชุดของสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งอธิบายขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม การเขียนผังงานเป็นสิ่งสำคัญทั้งนี้ก็เพราะคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ดี จะต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ และปฏิสัมพันธ์นี้จะสามารถถูกถ่ายทอดออกมาในรูปของสัญลักษณ์ซึ่งแสดงกรอบการตัดสินใจและกรอบเหตุการณ์ </p><p>ขั้นตอนที่ 4. ขั้นตอนการสร้างสตอรี่บอร์ด (Create Storyboard) </p><p>การสร้างสตอรี่บอร์ดเป็นขั้นตอนของการเตรียมการนำเสนอข้อความ ภาพ รวมทั้งสื่อในรูปแบบมัลติมีเดียต่างๆ ลงบนกระดาษ เพื่อให้การนำเสนอ ข้อความและสื่อในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบนจอคอมพิวเตอร์ต่อไป </p><p>ขั้นตอนที่ 5. ขั้นตอนการสร้าง/เขียนโปรแกรม (Program Lesson) </p><p>ขั้นตอนการสร้าง/เขียนโปรแกรมนี้เป็นกระบวนการเปลี่ยนสตอรี่-บอร์ดให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน </p><p>ขั้นตอนที่ 6. ขั้นตอนการผลิตเอกสารประกอบการเรียน (Produce Supporting Materials) </p><p>เอกสารประกอบการเรียนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เอกสารประกอบการเรียนอาจแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ </p><p>- คู่มือการใช้ของผู้เรียน </p><p>- คู่มือการใช้ของผู้สอน</p><p>- คู่มือสำหรับแก้ปัญหาเทคนิคต่างๆ </p><p>- เอกสารประกอบเพิ่มเติมทั่วไป </p><p>ขั้นตอนที่ 7. ขั้นตอนการประเมินและแก้ไขบทเรียน (Evaluate and Revise) </p><p>ในช่วงสุดท้ายบทเรียนและเอกสารประกอบทั้งหมดควรที่จะได้รับการ การประเมิน โดยเฉพาะการประเมินในส่วนของการนำเสนอและการทำงาน ของบทเรียน ขั้นตอนการออกแบบการสอนในคอมพิวเตอร์ช่วยสอน </p>sangraweehttp://www.blogger.com/profile/08566253941739990448noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6680456565065741275.post-35781190694428739982007-10-10T07:10:00.000-07:002007-10-10T07:10:19.148-07:00หน่วยที่ 1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/tooma.doc" target="_blank">ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อการเรียนการสอน </a><br />ในการเรียนการสอนเป็นกระบวนการสื่อความหมายระหว่างผู้สอนและผู้เรียน โดยมีเจตนาที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยตัวกลางหรือพาหะ ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโยงที่สำคัญ อาจเรียกชื่อแตกต่างกัน เช่น อุปกรณ์การสอน โสตทัศนอุปกรณ์ โสตทัศนูปกรณ์ สื่อการสอน สื่อการเรียน ซึ่งแต่ละคำหมายถึงตัวกลางทั้งสิ้น<br /><br /><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5113993715088511698" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5cXW6I5h70VuRW6WFfGYdJ9UQH_L-uy7o-gUIJxW6_JPbCBHqmqyO_iA4UhKLMd3iYC5TWfPZFqaCSQJsfEyk_TDudqBxN2f-9aJBB-ls2zFiHuUHknAGHpjx5ovdgeHr65MTnc0HnSY/s320/images.jpg" border="0" /><br /><br />........1.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/tooma.doc" target="_blank">>ความหมาย ประเภท ของสื่อการเรียนการสอน</a><br />นักวิชาการในวงการเทคโนโลยีทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา และวงการการศึกษา ได้ให้คำจำกัดความของ “สื่อการสอน” ไว้อย่างหลากหลาย เช่น ชอร์ส กล่าวว่า เครื่องมือที่ช่วยสื่อความหมายจัดขึ้นโดยครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เครื่องมือการสอนทุกชนิดจัดเป็นสื่อการสอน เช่น หนังสือในห้องสมุด โสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ สไลด์ ฟิล์มสตริป รูปภาพ แผนที่ ของจริง และทรัพยากรจากแหล่งชุมชน....<br /><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5113999010783187714" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiqOSVbPzBDBhk41S75jcjrF3OaGYdL_FEQ4xXXAq0qpJBMtUUwmhevQcaMekL4WsbmlL9DABFpsKvA5-C7krl01rGvDa3K3y6oEZbBFfE4M6PLSM5B19eAymgqNkCNdPxeqBIAQ0MYfZA/s320/evaluation_4.gif" border="0" /><br />........1.2 <a href="http://www.travel-is.com/" target="_blank">>คุณค่า และประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน </a><br />คุณค่าของสื่อการเรียนการสอน<br />ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่<br />1 เรียนรู้ได้ดีขึ้นจากประสบการณ์ที่มีความหมายในรูปแบบต่าง ๆ<br />2 เรียนรู้ได้อย่างถูกต้อง<br />3 เรียนรู้ได้ง่ายและเข้าใจได้ชัดเจน<br />4 เรียนรู้ได้มากขึ้น<br />5 เรียนรู้ได้ในเวลาที่จำกัด....<br /><br />........1.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomab.doc" target="_blank">>หลักการเลือกและการใช้สื่อการเรียนการสอน</a><br />ใช้สื่อการสอนในขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ทั้งนี้เพื่อเร้าผู้เรียนให้เกิดความสนใจ และเปลี่ยนพฤติกรรมในเบื้องต้น โดยปรับตนเองให้พร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนใหม่ ซึ่งอาจกระทำได้โดยการรื้อฟื้นความรู้เดิม (assimilation) หรือขยายความรู้เดิม (accommodation) เพื่อนำมาใช้ให้ประสานกันกับความรู้ใหม่ ซึ่งจะเรียนในขั้นต่อไป.....<br /><br />หน่วยที่ 2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomdb.doc" target="_blank">>จิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อการเรียนการสอน </a><br />การเรียนการสอนซึ่งจะเป็นเรื่องราวทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา อันได้แก่ ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีแรงจูงใจ และทฤษฎีพัฒนาการ ลักษณะธรรมชาติผู้เรียน สิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเรียนรู้ตลอดจนวิธีการนำความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นไปประยุกต์ใช้....<br /><br />........2.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomba.doc" target="_blank">>จิตวิทยาการรับรู้ </a><br />การรับรู้ หมายถึง การรู้สึกสัมผัสที่ได้รับการตีความให้เกิดความหมายแล้ว เช่นในขณะนี้ เราอยู่ในภาวะการรู้สึก(Conscious) คือลืมตาตื่นอยู่ ในทันใดนั้น เรารู้สึกได้ยินเสียงดังปังมาแต่ไกล(การรู้สึกสัมผัส-Sensation) แต่เราไม่รู้ความหมายคือไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร เราจึงยังไม่เกิดการรับรู้ แต่ครู่ต่อมามีคนบอกว่าเป็นเสียงระเบิดของยางรถยนต์ เราจึงเกิดการรู้ความหมายของการรู้สึกสัมผัสนั้น ดังนี้เรียกว่าเราเกิดการรับรู้..... </p><br /><p><br /></p><br /><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5113996154629935842" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgO0ThxqN9sk6NyofE3ymDOAssGrxLTvG3641H7bYwhDg3GtdML0zx6JJ45NUWfBJHHE5Qg37MeLd3PHWTeVyXR3I5tvnC_gSthHEltrYOeUd19z1xiq6TpWydGtYSKgx-40YIrB4CJnNI/s320/78.jpg" border="0" /> </p><br /><p><br />........2.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toombb.doc" target="_blank">>จิตวิทยาการเรียนรู้</a><br />จิตวิทยาการเรียนรู้ (Psychology of Learning ) เป็นการศึกษาธรรมชาติการเรียนรู้ และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้...<br /><br />........2.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toombc.doc" target="_blank">>จิตวิทยาพัฒนาการ</a><br />จิตวิทยาพัฒนาการ ( Developmental )เป็นการศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆ ของมนุษย์ตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึงวัยชรา.<br /><br />หน่วยที่ 3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toom.doc" target="_blank">>การสื่อสาร</a><br />การสื่อสาร คือกระบวนการสำหรับแลกเปลี่ยนสาร รูปแบบอย่างง่ายของสาร คือ จะต้องส่งจากผู้ส่งสารหรืออุปกรณ์เข้ารหัส ไปยังผู้รับสารหรืออุปกรณ์ถอดรหัส....<br /><br />........3.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomca.doc" target="_blank">>ความหมายและองค์ประกอบของการสื่อสาร</a><br />ระบบสื่อสารข้อมูลมีองค์ประกอบพื้นฐาน คือ ผู้ส่งสาร (Sender) คือ แหล่งข้อมูลเริ่มต้น ข้อมูลข่าวสาร ได้แก่ บุคคล สื่อมวลชน สาร หรือข้อมูล (Message) คือ เรื่องราวที่ต้องการให้ผู้อื่นได้รับรู้ มีความหมาย และ สาระสำคัญเพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง ที่ผู้ส่งต้องการสื่อไปยังผู้รับสาร อาจอยู่ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ข้อความ ท่าทาง การแสดงสีหน้า คำพูด น้ำเสียง การสัมผัส เป็นต้น....<br /><br />........3.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomc.doc" target="_blank">>รูปแบบของการสื่อสาร</a><br />รูปแบบทิศทางของการสื่อสาร<br />การส่งข้อมูลแบบทิศทางเดียว (Simplex Transmission) เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีผู้ส่งข้อมูลทำหน้าที่ส่งข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียว และผู้รับข้อมูล ก็ทำหน้าที่รับข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียวด้วยเช่นกัน การส่งข้อมูลในลักษณะนี้ เช่น การส่งสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ โดยที่สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณเท่านั้น และเครื่องรับโทรทัศน์ก็จะทำหน้าที่รับสัญญาณเท่านั้นเช่นกัน<br /><br />........3.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomcb.doc" target="_blank">>แบบจำลองของการสื่อสาร</a><br />การสื่อสารโดยทั่วไปจะมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ<br />ผู้ส่งหรือผู้สื่อ --- --- เนื้อหา เรื่องราว และกระบวนการสื่อสาร --- --- ผู้รับ<br />ความมุ่งหมายของการสื่อสารคือ การที่ผู้รับยอมรับสารที่ผู้ส่ง ส่งไปยังผู้รับ ถ้าผู้รับเข้าใจความหมายของสาร ที่ผู้ส่งขอให้ผู้รับปฏิบัติ แต่ผู้รับไม่ปฏิบัติตาม ความสำเร็จตามความมุ่งหมายของการสื่อสารนั้นก็ไม่เกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากผู้รับตอบสนองต่อสารที่ผู้ส่งส่งไปยังผู้รับ และปฏิบัติตามความเหมาะสม ความมุ่งหมาย ของการสื่อสารนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ....<br /><br />........3.4 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomcc.doc" target="_blank">>การสื่อสารกับกระบวนการเรียนการสอน</a><br />รูปแบบกระบวนการสื่อสารของเบอร์โล เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เรียกว่า S.M.C.R.Process Model ได้ถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้ และนำมาประยุกต์ใช้เป็นหลักการพื้นฐานของเทคโนโลยี การศึกษาได้เป็นอย่างดี....<br /><br />หน่วยที่ 4 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomd.doc" target="_blank">>การออกแบบสื่อการเรียนการสอน</a><br />การออกแบบสื่อ องค์ประกอบที่สำคัญในการเรียนการสอนคือสิ่งที่ครูมักนำไปประกอบการเรียนการสอนนั่นก็คือ สื่อการสอนนั่นเอง สื่อการสอนนับว่ามีประโยชน์มากเพราะสื่อการสอนเปรียบเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าใจในเนื้อหาและได้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นมากกว่าที่ครูผู้สอนจะสอนโดยการมาบรรยายหรือสอนตามเนื้อหา โดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยสอนเลย....<br /><br />........4.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomda.doc" target="_blank">>ความหมายของการออกแบบสื่อการเรียนการสอน </a><br />การออกแบบสื่อการสอน คือ การวางแผนสร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนให้มีประสิทธิภาพและมีสภาพที่ดี โดยอาศัยหลักการทางศิลปะ รู้จักเลือกสื่อและวิธีการทำ เพื่อให้สื่อนั้นมีความสวยงาม มีประโยชน์และมีความเหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอน....<br /><br />........4.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomdb.doc" target="_blank">>วิธีระบบกับการออกแบบสื่อการเรียนการสอน</a><br />เป็นวิธีการนำเอาผลที่ได้ ซึ่งเรียกกันว่า ข้อมูลย้อนกลับ (Feed Back) จากผลผลิตหรือการประเมินผล มาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข่ ระบบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การพิจารณาแก้ไขนั้นอาจจะแก้ไขสิ่งที่ป้อนเข้าไปหรือที่ขบวนการก็แล้วแต่เหตุผลที่คิดว่าถูกต้อง แต่ถ้าปรับปรุงแล้วอาจจะได้ผลออกมาไม่เป็นที่พอใจอีกก็ต้องนำผลนั้นมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ ต่อเนื่องกันไป จนเป็นที่พอใจ ฉะนั้นจะเห็นว่าวิธีระบบเป็นขยายการต่อเนื่องและมีลักษณะเช่นเดียวกันวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งของการวิเคราะห์ระบบ ก็คือ บุคคลที่จะทำการวิเคราะห์ระบบนั้น ควรจะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องในระบบมาพิจารณาร่วมกัน....<br /><br />........4.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomdc.doc" target="_blank">>การสร้างแบบจำลองการออกแบบสื่อการเรียนการสอน</a><br />แบบจำลองเชิงนามธรรม เชิงแนวคิด หรือแบบจำลองที่เป็นซอฟต์แวร์ เช่น แบบจำลองคณิตศาสตร์ แบบจำลองวิทยาศาสตร์ แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทฤษฎีการสร้างแบบจำลอง แบบจำลองความคิด เป็นต้น แบบจำลองเชิงนามธรรม หรือแบบจำลองเชิงแนวคิด เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเชิงทฤษฎีเพื่อแทนกระบวนการเชิงสังคม เชิงชีววิทยา หรือ เชิงฟิสิกส์ ด้วยเซต ของตัวแปรและเซตของความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรเหล่านั้นทั้งเชิงตรรก และ เชิงปริมาณ แบบจำลองจะถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงเหตุผลภายในกรอบงานเชิงตรรกใน อุมดมคติของกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งสำคัญต่อทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์โดยแบบจำลองเป็นสิ่งที่ทำให้สมมติฐานต่าง ๆชัดแจ้งขึ้น ว่าถูกหรือผิดในรายละเอียด....<br /><br />หน่วยที่ 5 <a href="http://comedu.saiyaithai.org/s484144043/E.doc" target="_blank">>การผลิตสื่อกราฟิก</a><br />ความหมายของวัสดุกราฟิก<br />วัสดุกราฟิก ประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ วัสดุ + กราฟิก<br />วัสดุ หมายถึงสิ่งของที่มีอายุการใช้งานระยะสั้น<br />กราฟิก หมายถึงการแสดงด้วยลายเส้น<br />วัสดุกราฟิก หมายถึง วัสดุลายเส้นประกอบด้วย ภาพลายเส้น ตัวอักษร การ์ตูน และสัญลักษณ์ เพื่อเสนอเรื่องราวความรู้ หรือเนื้อหาสาระให้รับรู้และเข้าใจได้ง่ายรวดเร็ว<br /><br />........5.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomb.doc" target="_blank">>ความหมาย และคุณค่าของสื่อกราฟิก</a><br />สื่อกราฟิก หมายถึง การอธิบายด้วยภาพประกอบข้อมูลต่างๆเพื่อให้เกิดความเข้าใจ<br />ประเภทของสื่อกราฟิก<br />1.การออกแบบ สัญลักษณ์ต่างๆ<br />2.การออกแบบและจัดทำแผนภูมิ แผนภาพ แผนสถิติ<br />3.การวาดภาพอวัยวะ และระบบต่างๆของร่างกายมนุษย์ ได้แก่ ระบบกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ....<br /><br />........5.2 <a href="http://www.travel-is.com/" target="_blank">>การใช้สีกับสื่อการเรียนการสอน</a><br />จุดประสงค์ของการเรียนรู้<br />1. เพื่อให้รู้ถึงความหมายของสีและการใช้สีในงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์<br />2. เพื่อให้รู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของการใช้สีในงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์<br />3. เพื่อให้รู้ถึงแนวทางในการเลือกใช้ในการสร้างสรรค์งานสื่อสิ่งพิมพ์<br />4. เพื่อให้รู้ถึงหลักการพิจารณาในการเลือกใช้สีในงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ สีและการใช้สี ความเข้าใจในเรื่องของสีเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้งานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์มีความสดใสสวยงาม น่าสนใจ และมีบทบาทในการสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง เหมาะและมีคูณภาพอีกด้วย ดั้งนั้น การเลือกใช้สีควรจะได้ศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจเพื่อที่จะได้นำสีไปใช้ประกอบในงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อให้งานนั้นสามารรถตอบสนองได้ตรงตามจุดประสงค์มากที่สุดซึ่งแต่ละสีให้ความรู้สึกอารมณ์แก่ผู้ดูต่างๆ กันออก ไป....<br /><br />........5.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomeb.doc" target="_blank">>การเขียนภาพการ์ตูน </a><br />การเขียนภาพการ์ตูน<br />สำหรับเด็กนั้นโดยมากมักนิยมเขียนภาพสัตว์ด้วยฝีมือมายา คือจงใจให้ผิดเพี้ยนไปจากของจริงมากมายเกินกว่าปกติ ดูเสมือนว่าเขียนออกมาอย่างหยาบๆ ง่ายๆ แต่ช่างเขียนนั้นเขียนขึ้นโดยความยากลำบากทั้งนั้นทุกรูป แต่เขาจงใจให้มองดูเขียนขึ้นอย่างลวกๆ การให้สีหนังสือเดกมักใช้สีฉูดฉาดบาดตา ภาพการ์ตูนสำหรับเด็กอีกระดับหนึ่ง หมายถึงระดับเด็กอายุ ๑๑ - ๑๖ ปี ระยะนี้การ์ตูนประกอบเรื่องจะต้องมีความปราณีต ขบขัน สวยงาม ตลอดจนกระทั่งฝีมือในการเขียนภาพประกอบจะต้องดีพอ จึงจะสามารถดึงดูดเด็กในวัยนี้ให้สนใจได้<br />........5.4 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomec.doc" target="_blank">>การออกแบบตัวอักษรหัวเรื่อง </a><br />วิธีการออกแบบตัวอักษร<br />การออกแบบตัวอักษร นักเรียนจะต้องรู้จักกำหนดความสูง ความกว้าง และความยาวของประโยค ตัวอักษรที่จะออกแบบเพื่อให้ได้ตัวอักษรที่เหมาะสมกับเนื้อที่อย่างเหมาะสม<br />วิธีการออกแบบตัวอักษรแบ่งออกเป็น 4 ขั้น ดังนี้<br />1. ตีเส้นกำกับบรรทัด (Guide line) คือ การขีดเส้นตามแนวนอน ห่างกันตามความสูงของตัวอักษร เว้นด้านล่าง และด้านบน เหลือไว้พอสมควร เพื่อเขียนสระและวรรณยุกต์ เส้นกำกับบรรทัดนี้ควรขีดให้เบาพอมองเห็น เพื่อใช้เป็นแนวร่างตัวอักษรให้มีขนาดตามต้องการ<br />2. ตีเส้นร่างตามขนาดและจำนวนตัวอักษร ในการออกแบบตัวอักษรลงบริเวณใด เพื่อความเหมาะสมและสวยงาม จึงควรนับจำนวนตัวอักษรที่จะเขียนทั้งหมด แล้วจึงคำนวณเนื้อที่ทั้งหมดสำหรับบรรจุตัวอักษรลงไป แล้วตีเส้นร่างเบา ๆ ตามขนาดและจำนวนตัวอักษรทั้งหมด<br />3. การร่างตัวอักษร การร่างควรเขียนด้วยเส้นเบา เพื่อสะดวกต่อการลบ เมื่อเกิดการผิดพลาดหรือเมื่องานเสร็จแล้ว จะได้ลบเส้นที่ไม่ต้องการออกได้ง่ายไม่สกปรก<br />4. การลงสี เมื่อได้แบบตัวอักษรที่แน่นอนแล้วจึงลงสี หรือหมึก ให้เกิดความสวยงามตามต้องการ.....<br /><br />หน่วยที่ 6 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomf.doc" target="_blank">>การสร้างสื่อราคาเยา</a><br />แนวคิดทางการศึกษา ปัจจุบันมุ่งขยายขอบเขตทรัพยากรการเรียนรู้ออกไปทุกแบบ เช่น สื่อเกี่ยวกับบุคคล อาคาร สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนวิธีการต่าง ๆ ทางการศึกษา เกี่ยวกับวัสดุที่จะใช้เป็นการเรียนการสอนนั้น จึงมิได้จำกัดอยู่เพียง สิ่งที่ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อโดยตรงเท่านั้น แต่วัสดุการสอน หมายถึง วัสดุทุกสิ่งทุกอย่างที่ ครูพึงหามาใช้ ประกอบการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่หามาได้ง่ายในท้องถิ่น ซึ่งครู ผู้สอนส่วนหนึ่งมักมองข้ามไป เมือนึกถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการสอนสักเรื่องหนึ่ง ก็มักจะนึกถึงสื่อสำเร็จรูปจำพวกรูปภาพ แผนภูมิ สไลด์ ที่มีผลิตขาย ราคาค่อนข้างสูง...<br /><br />........6.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomfa.doc" target="_blank">>ความหมาย คุณค่า และประโยชน์ของสื่อราคาเยา</a><br />สื่อราคาเยานอกจากจะหมายถึง สื่อที่มีราคาถูกแล้วยังหมายถึงสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติไม่ต้องซื้อหาด้วยราคาแพง สิ่งที่ครูคิดประดิษฐ์ขึ้นด้วยวัสดุราคาถูก หรือหาได้ง่าย รวมถึงสื่อสิ่งของได้เปล่าจากการแจกจ่ายเผยแพร่ของหน่วยงาน....<br /><br />........6.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomfb.doc" target="_blank">>หลักการออกแบบและการสร้างสื่อราคาเยา</a><br />ตัวอย่างการเลือกสื่อการสอนที่พบเห็นได้เสมอ เช่นครูสอนคณิตศาสตร์เกี่ยวกับการนับจำนวน การบวก การลบ และต้องการวัสดุเป็นชิ้น ๆ ก้อน ๆ จำนวนหนึ่ง เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือนับจำนวน แทนที่ครูจะนึกถึงก้อนดิน หิน หรือวัสดุอื่นอีกมาก ที่หาได้ไม่ยากในท้องถิ่น มาให้นักเรียนนับ แต่ครูกลับนึกถึงก้อนแม่เหล็กเป็นอันดับแรก และพยายามเรียกร้องให้มีการจัดซื้อกระดานแม่เหล็กมาใช้สอนนับจำนวน กรณีเช่นนี้เราได้นับจำนวนก้อนหินดูจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้มากกว่าการนับชิ้นส่วนบนกระดานแม่เหล็กเสียอีก ถ้าก้อนหินหาได้ง่ายนักเรียนทุกคนสามารถหามาได้ง่าย เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่...<br /><br />.......6.3 <a href="http://comedu.saiyaithai.org/s484144043/FC.doc" target="_blank">>วัสดุกับเทคนิคการออกแบบ</a><br />วัสดุการสอน หมายถึงวัสดุทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ครูพึงหามาใช้ประกอบการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น ซึ่งครูผู้สอนส่วนหนึ่งมักจะมองข้ามไป เมื่อนึกถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเรียนการสอนสักเรื่องหนึ่ง ก็มักจะนึกถึงเฉพาะสื่อสำเร็จรูป จำพวกรูปภาพ แผนภูมิสไลด์ ที่มีผลิตขายเป็นธุรกิจการค้า ราคาค่อนข้างสูง สิ่งของที่หาได้ง่ายสำหรับการสอนบางเนื้อหา เช่น ใบไม้ ก้อนหิน ดิน ทราย บางครั้งมีคุณค่ายิ่งกว่าสื่อข้างต้นเสียอีก ถ้ารู้จักนำมาใช้อย่างเหมาะสมเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของจริง ซึ่งเรายอมรับกันว่ามีคุณค่าสูงสุด สำหรับการเรียนการสอน....<br /><br />........6.4<a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomfc.doc" target="_blank">> การประมินสื่อการสอนราคาเยา</a><br />1. ความจำเป็นด้านเศรษฐกิจของชาติ ในข้อนี้นักศึกษาตลอดถึงครูผู้สอน ผู้บริหารการศึกษาทั้งหลายย่อมทราบและตระหนักกันอยู่แล้วว่าประเทศของเรา เป็นประเทศกำลังพัฒนาหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อการพัฒนาไปเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ต้องกู้เงินจากต่างประเทศปีละมาก ๆ ต้องจ่ายเงินกลับให้ต่างชาติรวมเงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล ในด้านการศึกษาเองก็มีโครงการที่กู้เงินจากต่างประเทศมาดำเนินการอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อสภาพการณ์ เป็นเช่นนี้ การพิจารณาจัดหาสื่อหรือ เทคโนโลยีการศึกษามาใช้จึงควรคำนึงถึงเรื่องการประหยัดไว้ให้มาก....<br /><br />หน่วยที่ 7 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomg.doc" target="_blank">>การผลิตสื่อการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์</a><br />การผลิตสื่อการสอน e-learningเป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันมีการพูดถึงการพัฒนาระบบ e-learning ในสถาบันการศึกษาเป็นอย่างมาก รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนกับการพัฒนาระบบ e-learning เป็นอย่างมาก และได้มีการพัฒนาในส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็วตามการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ท ตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมก็คือการถือกำเนิดของ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (Thailand cyber university) และการพัฒนาศูนย์กลาง e-learning ของโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ....<br /><br />........7.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomga.doc" target="_blank">>คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) </a><br />CAI ย่อมาจากคำว่า COMPUTER-ASSISTED หรือ AIDED INSTRUCTIONคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) หมายถึง สื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอสื่อประสมอันได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก แผนภูมิ กราฟ วิดีทัศน์ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาบทเรียน หรือองค์ความรู้ในลักษณะที่ ใกล้เคียงกับการสอนจริงในห้องเรียนมากที่สุด....<br /><br />........7.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomgb.doc" target="_blank">>การใช้เครือข่ายเพื่อการเรียนการสอน</a><br />การจัดตั้งสมาคม APEC เพื่อการศึกษาทางอินเตอร์เนต<br />ตามกระแสการเปลี่ยนสังคมที่ต้องมีความรู้ใหม่เป็นหลักฐานการเรียนรู้เทคโนโลยีและการเก็บความรู้ใหม่จึงเป็นสิ่งที่ เราขาดไม่ได้ สถาบันการศึกษาและครูมีบทบาทมากขึ้นเพราะต้องเตรียมการเรียนการสอนเพื่อส่งนักเรียนให้เข้าทำงาน ในสังคมใหม่ สมาคม APEC เพื่อการศึกษาทางอินเตอร์เนตจัดทำไว้เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวของนักเรียน และครู....<br /><br />หน่วยที่ 8 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomh.doc" target="_blank">>การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์</a><br />การสร้างสรรค์งานสิ่งพิมพ์ ในรูปแบบต่างๆ ต้องทำความรู้จักกับรายละเอียดเบื้องต้นที่จำเป็นก่อน โดยการบวนการผลิตงานสิ่งพิมพ์จะประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ เช่น การจัดเตรียมไฟล์งาน การจัดการกับรูปภาพ การเลือกกระดาษ การออกแบบรูปลักษณ์ หรือรูปเล่ม การจัดหน้า เพื่อให้ใด้ผลงานตามรูปแบบที่ต้องการ<br /><br />........8.1 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomha.doc" target="_blank">>ความหมาย คุณค่า และประโยชน์ของสื่อสิ่งพิมพ์ </a><br />สื่อสิ่งพิมพ์ หมายถึง สื่อที่ใช้ติดต่อสื่อสารทำความเข้าใจด้วยภาษาเขียน โดยใช้วัสดุกระดาษพิมพ์ได้คราวละมาก ๆ อาจมีรูปแบบแตกต่างกัน เช่น หนังสือ วารสาร จุลสาร แผ่นปลิว โปสเตอร์ ฯลฯ.....<br /><br />........8.2 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomhb.doc" target="_blank">>ประเภทของสื่อสิ่งพิมพ์ </a><br />จำแนกได้กว้าง ๆ ได้ 4 กลุ่มใหญ่ คือ<br />1. หนังสือพิมพ์<br />2. นิตยสารและวารสาร<br />3. หนังสือเล่ม<br />4. สิ่งพิมพ์เฉพาะกิจ....<br /><br />........8.3 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomhc.doc" target="_blank">>ระบบการพิมพ์ </a><br />1. ระบบออฟเซ็ตระบบออฟเซ็ต เป็นระบบที่นิยมใช้กันมากที่สุด สมุดหนังสือ ใบปลิว โปสเตอร์ ใบเสร็จ ล้วนแต่พิมพ์ด้วยระบบนี้ทั้งนั้น เพราะพิมพ์ได้สวยงาม พิมพ์ภาพได้ดี พิมพ์สี่สีก็สวย เหมาะสำหรับงานที่ยอดพิมพ์สูงๆ ควรจะหลายพันหรือเป็นหมื่นขึ้นไปจึงจะคุ้ม เพราะแม่พิมพ์มีราคาแพง พิมพ์สิบใบก็ได้ แต่ราคาต่อใบจะสูงมาก....<br /><br />........8.4 <a href="http://sananggabai.saiyaithai.org/s484144043/toomhd.doc" target="_blank">>การเลือกและการใช้สื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการเรียนการสอน</a><br />การพิมพ์จึงเป็นวิธีการหนึ่งในการนำมาใช้ผลิตสำเนาเอกสารทางวิชาการซึ่งต้องการปริมาณมาก เช่น หนังสือ ตำราต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน หรือเพื่อใช้เป็นคู่มือ เป็นตำราในการค้นคว้าอ้างอิง ทั้งยังช่วยในการเผยแพร่ ความคิดทางด้าน วิทยาการต่าง ๆ ให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย ในการให้การศึกษาจำเป็นต้องมีเอกสารประกอบการเรียนการสอน เพื่อขยายความรู้และทฤษฎีต่าง ๆ ให้กว้างขวางขึ้น.....</p>sangraweehttp://www.blogger.com/profile/08566253941739990448noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-6680456565065741275.post-3632781096846980452007-10-10T07:06:00.000-07:002007-10-10T07:06:57.199-07:00ท่านอยู่จุดไหนของคนมองงานกราฟิค<img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/minivisiongp.jpg" align="left" />เท่าที่มองและสังเกตุเห็นการวิจารย์งานกราฟิคของแต่ละคนที่เข้ามายังไทยกราฟ วิจารย์ งานแบบแค่มองด้วยตาเท่านั้นและตามความรู้สึกของคนว่าสวยไม่สวย และวันนี้เรามาเข้าใจ กันว่าเขาแบ่งระดับคนมองงานกราฟิคกันเป็นอย่างไร<br /><br />ผู้ที่ฝึกฝนมาเยอะได้เรียนรู้ได้ปรับปรุงได้พัฒนา ยอมจะเข้าใจด้านกราฟิคทีแน่นอนที่สุด ต้องพัฒนาจิตใจของตนเองด้วย เพราะงานกราฟิคก็คล้านงานศิลปะหละ งานบางงานคน ต่อหลายคนก็ทำเหมือนกันได้ แต่คุณค่าของงานทุกชิ้นขึ้นอยู่กับ การถ่ายทอดการสื่อความหมายและอิทธิพลต่อจิตใจในการมองของคนได้ เช่น ระดับสูงอย่างเช่น ท่านอาจารย์ถวัลย์ อาจารย์เฉลิมชัยฯ ท่านเหล่านี้ ธนาได้สัมผัสตอนที่เป็น Webmaster ให้กับศูนย์ศิลปะวัฒนธรรม ของสถาบันราชภัฏเชียงราย ท่านมองงานได้อย่างเข้าถึงธรรมชาติ อย่าทานอาจารย์ถวัลย์ฯ ท่านเคยพูดถึงสีดำได้อยางโดนใจว่า ...<br />สีดำเป็นแม่สีของทุกสี เมื่อเข้าไปอยูสีไหนสีนั้นจะโดนอิทธิพลสีดำครอบงำไปหมด คำพูดสั้นแค่นี้ถ้าเราเอาไปคิดเอาไปพิจารณาดูว่า สมมุติถ้ามีสีแดง อยู่สีหนึ่ง เอาสีดำผสมสีแดงในอัตราส่วน<br />50/50 ดีแดงมันจะ กลายเป็นสีแดงทึบออกดำทันที มิอาจต้านทานอำนาจของ สีดำได้ ลองคิดดูว่ามันเป็นอะไรที่เราคาดไม่ถึงว่ามัน จะมีอำนาจของสีดำเช่นนี้ได้ ไทยกราฟเลยต้องมีสีดำเป็นตัวเน้น ถ้าดูความหมายจากสีดำตามหนังสือต่างๆ ที่เขียนกันเกี่ยวกับเรื่องสี มันจะดูออกไปทางหนักเน้น มั่นคงเลวร้าย ต่างนานา และผมก็ชอบฟังทุกเรื่องที่ท่าน ผู้มีปัญญา เหล่านั้นพูดวิเคราะห์ในสิ่งที่เป็นธรรมดา กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้ ซึ่งงานของทานใครดูด้วยตาไม่อาจจะ วิจารย์อะไรต่างๆ นานาได้ เพราะถ้าว่างานแบบนี้คนธรรมดาทำได้ไหม ถ้าไปเปิดหนังสือที่มีผลงานศิลปะ หลายต่อ หลายเล่มมาเทียบกัน จะเห็นว่างานแนวนี้มีเยอะ แต่ทำไมงานท่านเหล่านี้จึงเด่นและดีกว่างานคนอื่นที่ทำลักษณะ คล้ายๆ กันหละ เท่านสามารถให้คนมองงานท่านเป็นเรื่องราวไจกาภาพเดียวที่ทานสื่อถึงอะไรต่างๆ นานามากมาย เน้นคำสอนแผงด้วย หลักธรรมต่างๆ ทำงานของท่านดูมีชีวิตมีอำนาจในตัวที่กล่าวมานี้ ก็จะชี้ให้ทุกท่านเห็นว่า งานกราฟิคถ้าเรามองด้วยตาปล่าวแล้วมิมีองค์ความรู้ที่สามารถอธิบายงานและ ใส่จินตนาการอธิบายงานเป็นแนวแบบสร้างสรรค์ได้ เราก็มิอาจจะสัมผัสงานนั้นด้วยใจได้ เพียงสัมผัสด้วยดวงตาเท่านั้น สิ่งเหลานี้ทำให้ผมซึมซับ และเข้าใจอะไรหลายอย่างกับการมอง งานศิลปะและเอามาประยุกต์กับงานกราฟิกได้ และ ใช้มันมาสร้างสรรค์ไทยกราฟขึ้นมา เอาหละเพื่อให้เห็นได้ชัด ผมจะยกตัวอย่าง จากเนื้อหาบางสวนในหันสือ Be Graphic ของ คุณโสรชัย นันทวัชรวิบูลย์ (แต่เสริมแนวความคิดของไทยกราฟเข้าร่วม) และยกตัวอย่างหลักการ วิเคราะห์งานของธนา ว่าการวิเคราะห์งานแบบไหนจะยืนอยู่จุดไหนของผู้มองงานกราฟิคว่ามีกี่ระดับ ...<br />1. คนในระดับทั่วไป. <img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/group1.gif" /><br /><br />คนทั่วไปจะมองงานด้วยความรู้สึกหรือเซ็นส์ของมนุษย์เรานั้นเอง เหมือนคุณมองดำไม้สีดำกับดอกไม้สีชมพู คุณว่าอย่าง ไหนสวยหลายต่อหลายท่านจะมองว่าดอกไม้สีชมพูสวยเพราะมันมีสีสวยสดใสดี การที่หลายท่านจะมองยังงี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หรอกเพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกิดจากการมอง ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีความรู้สึกในการมองไม่เหมือนกัน มันไมมีสิ่งไหนถูกสิ่ง<br />ไหนผิดเสมอไปโลกสวนตัวของใครก็ของมัน แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน และไม่มีใครมาห้าม และนี้คือจุดเริ่มต้นของตน มองงานกราฟิคระดับแรก<br /><br /><br />2. คนที่มองงานเป็น วิจารย์งานได้<img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/group1.gif" /><br /><br />คนระดับสองนี้เป็นคนเริ่มสนใจงานกราฟิคมากยิ่งขึ้น และเริ่มชอบดูชอบศึกษาวิธีการกระบวนการทำงานกราฟิค ของการออกแบบ ในงานกราฟิคแต่ละประเภท และสามารถมองและเข้าใจองค์ประกอบของงานกราฟิกนั้นได้ และคิดวิเคราะห์งานนั้นได้ เช่น ... ตกตัวอย่าง มีงานออกแบบ ดอกบัวอยู่สองดอก เพื่อเป็นโลโก้ ดอกแรกเป็นดอกตูม ดอกสองดอก เป็นดอกบาน คนมอกราฟิค ระดับนี้เขาจะมองแบบหาเห็นผลมาแบ่งแยกข้อดีข้อเสียและชั่งน้ำหนักกันเลยดูตัวอย่าการวิเคราะห์การมองงานกราฟิค<br /><br /><br />ดอกบัวตูม<br />ข้อดี : ดอกบัวตูมมีรูปทรงที่จำได้ง่ายไม่ซับซ้อน องค์ประกอบก็มองง่ายกว่า คือดูเป็นวงรีปลายแหลมเท่านั้น<br /><br /><br /><br />ข้อเสีย : ดอกบัวตูมไม่มีรายละเอียดความงดงามน่าสนใจ ไม่มีลีลามิติ ดูเรียบง่ายเกินไป ไม่ดึงดูดสายตา<br /><br /><br /><br />ดอกบัวบาน<br />ข้อดี : สวยงามมีลีลามีมิติมีความรายละเอียดที่ ดึงดูดสายตา ดึงดูใจ<br /><br /><br /><br />ข้อเสีย : จำยากซับซ้อนเกินไปมีความไม่แน่นอน ถามว่าดอกบัวบานมีกลีบดอกเป็นมาตรฐานกี่ชั้น ซึ่งมันก็มีหลายพันธ์ด้วยกันยากจะอธิบายได้ในรายละเอียดของแต่ละสายพันธ์ของดอกบัว<br /><br /><br /><br />เอาหละทีนี้มาชั่งน้ำหนักและอ้างอิงเหตุและผลว่าโลโก้ดอกบัวสองตัวนี้จะเลือกตัวทำโลโก้เป็นลักษณะไหน ก่อนอื่นต้องดูประโยชน์ที่นำมาใช้สอยได้โดยใช้การออกแบบโลโก้บริษัท สักบริษัทหนึ่งว่าจะเอาแบบไหนมาใช้ ก็ต้องวิเคราะห์เกี่ยวการตั้งบริษัทก่อนว่า ตั้งขึ้นมาต้องการให้เกิดรายได้ ซึ่งรายได้ของบริษัทนั้นมาจากคน ส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น การจะออกแบบโลโก้ของบริษัทนั้น ต้องทำยังไงก็ได้ให้มีเอกลักษณ์เรียบง่ายสื่อความหมายที่ดี จะทำให้คนจำ โลโก้ บริษัทเราได้ ...<br /><br /><br /><br />เอาหละที่นี้มาชั่งน้ำหนักของงานดอกบัวสองดอกบัวนี้ว่าอันไหนโดนใจกรรมการที่สุด<br />โดยมีตัวแปลหลักสำคัญคือ การสื่อและ ให้คนทั่วไปเข้าถึงบริษัทได้ง่ายที่สุด คือจำโลโก้บริษัทง่ายที่สุด ...<br /><br /><br /><br />จากการที่เราวิเคราะห์ถึงหน้าที่ของโลโก้ที่มีต่อการสื่อความหมายของบริษัทและผู้คนได้ดังนี้<br /><br />"การจะออกแบบโลโก้ของบริษัทนั้น ต้องทำยังไงก็ได้ให้มีเอกลักษณ์เรียบง่ายสื่อความหมายที่ดี จะทำให้คนจำ โลโก้ บริษัทเราได้ ..."<br /><br /><br /><br />ตัวแปลสำคัญที่จะทำให้บริษัทมีรายได้และอยู่ได้คือคน ...<br />คนต้องจำโลโก้เราง่าย : โลโก้จะไม่ซับซ้อนจนเกินไปรายละเอียดไม่ซับซ้อนจนเกินไป<br /><br /><br /><br />ที่นี้พอจะชักน้ำหนักได้หรือยังว่าโลโก้ของบริษัทจะเป็นบัวไหน?<br />แน่นอนก็ต้องเป็นบัวตูมเพราะข้อดีของบัวตูมคือ "ดอกบัวตูมมีรูปทรงที่จำได้ง่ายไม่ซับซ้อน องค์ประกอบก็มองง่ายกว่า คือดูเป็นวงรีปลายแหลมเท่านั้น"<br /><br /><br /><br />โลโก้ดอกบัวตูมที่มีเอกลักษณ์และอยู่หัวใจคนไทยหลายๆคนก็คือ โลโก้ธนาคารกรุงเทพ ปัจจุบันไงหละ เห็นไหมไอเดียร์ไม่ใกล้ไม่ไกลเราเลย<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/logo_bbl.gif" /><br /><br /><br /><br />และที่สำคัญ ดอกบัวมีอิทธิพลต่อ พุทธสาชนิกชนอย่างเราๆ เพราะเกี่ยวข้องและมีเรื่องราวโดยตรงกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำของชาติไทย โลโก้นี้จะเด่นและจำได้ในหัวใจคนไทยเราได้ไม่ยากเลย ...<br /><br /><br /><br />แหละนี่ก็คือ คนมองงานกราฟิคขั้นที่สอง (ลักษณะเป็นนักคิด Creative)<br />ปล. ขั้นสองทำไมไม่มีภาพดอกบัวเป็นภาพประกอบหละ เพราะทุกคนมีดอกบัวอยู่ในจินตนาการอยู่แล้ว และเข้าใจว่ามันมีลักษณะยังไงถึงเรียนกว่าบัวตูมบัวบาน ...<br /><br /><br /><br />3. คนที่สามารถออกแบบงานได้<br />คนระดับสองจะเป็นนักคิด และแน่นอนคนที่มองงามกราฟิคระดับสามต้องเป็นนักทำนักออกแบบ ซึ่งมีผลมาจากการคิดวิเคราะห์หลังจากนั้นก็ลงมือทำกันหละ โดยสามารถเข้าใจการออกแบบองค์ประกอบพื้นฐานและองค์ประกอบสี และสามารถควบคุมองค์ประกอบต่างๆ ในภาพได้ และให้ออกมาอย่าง ลงตัว และสามารถถ่ายทอดภาพจากงานให้เป็นดั่งที่นึกคิด และจินตนาการเอาใว้ได้ เอาหละมาดูตัวอย่าง งานกัน ...<br /><br /><br /><br />ยกตัวอย่างานโลโก้ที่หลายคนหาว่ากระจอกของธนากัน มาให้รู้ถึงเบื่องหลังคิดวิเคราะห์ในการทำกันเลยหละ<br /><br /><br /><br />1.ลูกค้าให้คอนเซฟว่า อยากได้โลโก้ดอกบัวที่ไม่ใช่ดอกบัวแต่เป็นดอกบัว ??????<br />นี่คือโจทย์ ธนาเลยถามลูกค้าว่า แล้วมีแนวทางหรือภาพหรือโลโก้เวปไหนบ้างที่เป็นไอเดียร์ในการออกแบบ ลูกค้าก็ให้ภาพตัวอยางไอเดียร์มาดังตัวอย่าง.<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/idealogo.jpg" /><br />2.เมื่อได้ตัวอย่างมาแล้วเนื่องจากภาพมันเลือกมาจึงต้องขยายเพื่อดูองคืประกอบของภาพและเสริมส่วนที่ขาดหายด้วยจินตนาการ<br /><br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/zoomidea.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br />3.เมื่อพอจะมองสัดส่วนของงานโลโก้ตัวนี้ออกตามจินตนาการแล้ว และก็วิเคราะห์วางแผนกระบวนวิธีการทำ โลโก้ตัวนี้ต้องทำให้มันดูมีมิติชีวิตชีวาสักหน่อยโดยใช้หลักวิธีการ ศิลปะ photoshop (นำวัตถุที่มีรูปทรงมาต่อกันผสมผสานด้วยจินตนาการโดยทำให้เป้นรูปเป็นร่างขึ้น) แล้วใช้หลักการ ต่างสีต่างแสง เพื่อปรับให้สีเดียวมีหลากหลายน้ำหนักในภาพๆ เดียว ตัดสีตัดแสงสร้างน้ำหนักแสงในรูปภาพ อีกสักหน่อย แล้วทำการตัดสีตัแสงใน Layer ให้มันสะดุดตาอีกที มันน่าจะลงตัวหละนะ<br /><br /><br /><br />4. เมื่อวางเทคนิควิธีการในหัวเรียบร้อยแล้วเอาหละมาทำตามจินตาการกันเลย ...<br />ขั้นตอนแรก : ขึ้นรูปให้เป็นลักษณะแกนดอกบัวก่อน ดังตัวอย่าง<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou1.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br /><br />ขั้นตอนที่สอง : ใส่ Effects ที่ทำให้ดูลักษณะนูนโดยทำการเลือกสีโทนใกล้เคียงกันแล้วทำการไล่เฉด แล้วปรับแสงให้นุ่มนวล ก็จะได้ดั่งภาพ.<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou2.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br /><br />ขั้นตอนที่สาม : ทำองค์ประกอบภายนอกดอกบัวโดยใช้องค์ประกอบของแกนดอกตัวที่ทำแล้วประยุกต์โดยใช้ Selection เลือกและ Copy สัดส่วนที่ต้องการแล้วเสริมความเคลื่อนไหวด้วย Filter ---> Distort --> Twirl จะได้ดั่งภาพ.<br /><br /><br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou31.jpg" /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou32.jpg" /><br /><br /><br /><br />ขั้นตอนที่สี่ : หลังจากนั้นให้ทำการปรับระดับความต่างของสีของดอกบัว โดยใช้ Hue/Sturation และปรับแสงและสีจน ได้ตามที่ต้องการ พอเราเอาส่วนต่างมาประติดประต่อกันก็จะได้ดังภาพ.<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou4.jpg" /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou41.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br /><br />ขั้นตอนที่ห้า : เมื่อได้ Layer ของวัตถุที่มาประกอบเป็นรูปทรงของภาพแล้วจากนั้นให้ทำการใส่ Layer ของแสงเข้าไป ซึ่งแต่ละสัดส่วนของ Layer จะใส่แสงให้มีลักษณะดังนี้<br /><br /><br /><br />ให้ทำการ Copy Layer นั้นเท่ากับชั้นแสงของ Layer นั้น<br />Copy 1 แสงจะเป็น Multiply<br />Copy 2 แสงจะเป็น Multiply<br />Copy 1 แสงจะเป็น Color Burn<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/layer_color.gif" /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou5.jpg" /><br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou51.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br />และเมื่อมาซ้อนกันจะสร้างสีสรรค์ที่สะดุดตาให้กับงานของเราดังตัวอย่าง.<br /><br /><br /><br />ขั้นตอนที่หก : เพิ่มเส้นเน้นความคมให้กับภาพหน่อยเป็นไงมันดูลอยไม่ยึดติดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย โดยใสสีดำอยู่ข้างหลัง Layer ทุก Layer แล้วลดความรุนแรงของสีดำโดยการปรับคา Opacity 50% จากนั้นก็จะได้งานโลโก้ดอกบัวตามที่เราวางแนวเอาใว้<br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/modelbou6.jpg" /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/idealogo.jpg" /><br /><br /><br /><br /><br /><br />เป็นไงขอรับแหละนี่ก็คือ คนมองงานงานกราฟิควิเคราะห์และสามารถออกแบบตามที่คิดวิเคราะห์ได้ดั่งใจ ในขั้นที่ 3 นี้ ...<br /><br />ขั้นที่4.<img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/group4.gif" /><br />เมื่อเราสามารถออกแบบงานได้ดั่งใจแล้วเราเองต้องหาเอกลักษณ์และแนวความคิดใหม่ๆ<br />มาใส่ในงานเรา เพื่อพัฒนางาน ของเราให้ทันสมัยและ ดึงดูดใจแต่ผู้พบเห็น ... ก็คือลองเอาแนวความคิดใหมของเรามาพัฒนาในงานเก่าๆ ที่เราเคยทำมาในสมัยมีความรู้ระดับหนึ่งแล้วมันมาพัฒนาเป็นงานใหม่ที่ทันสมัยและงามตามความรู้ที่เราเพิ่มเติมขึ้นทุกวัน เมื่อเราเสาะแสวงหามัน แหละนี้คือนักพัฒนาแล้วหละ ไม่ว่าจะคิดสิ่งใหม่ หรือพัฒนาสิง่เก่าให้เป้นสิงทีใหม่ได้<br />ตัวอย่าง.<br />ธนาใช้หลักการศิลปะ Photoshop ที่ธนาค้นพบด้วยตัวเอง มาประยุกต์กับ Effects การสร้างไฟ จากนั้นเอาวัตถุมา ประติดปะต่อกันจนกลายเป็นมังกร ดังตัวอย่าง.<br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/4vision1.jpg" /> <img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/4vision2.jpg" /> <img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/4vision3.jpg" /><br /><br /><img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/4vision4.jpg" /> <img src="http://www.thaigraph.com/training/gpvision/4vision5.jpg" /><br />New<br />Vision<br /><br />จึง ณ จุดนี้ธนามีความรู้เรื่ององค์ประกอบของภาพจากการศึกษาค้นหว้าในหนังสือ Be<br />Graphic ของ คุณโสรชัย นันทวัชรวิบูลย์ ทำให้ได้ปัญญาในการให้แสงใน Layer เพื่อสร้างความสะดุดตาให้กับงาน ก็เอางานมังกรในตัวอยางดั่งกล่าวมาเสริมอำนาจ ความรู้ด้านแสงใน Layer มาทำให้สะดุดตายิ่งขึ้นก็จะได้ Vision ใหม่ในงานเก่าดังภาพ.<br /><br />สรุปแล้วการมองงานกราฟิคจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ<br />1.ระดับผู้ชม : ดูและบอกตามความรู้สึก<br />2.ระดับผู้คิด : ดูและสามารถคิดวิเคราะห์เห็นกระบวนการทำได้<br />3.ระดับผู้ทำ : ดูและคิดและวิเคราะห์และสามารถแจงกระบวนการวิธีการออกแบบได้ดั่งที่คิด<br />4.ระดับผู้พัฒนา : ดูและคิดและวิเคราะห์และทำและประยุกต์นำเอาความรู้เทคนิคใหม่ๆ มาเสริมความน่าสนใจให้กับงานได้<br /><br />คราวนี้ถามตัวเองสิว่าเราอยู่จุดไหนของคนที่มองงานกราฟิค?<br />น้อมรับคำติชมจากทุกท่าน ...<br />ขอปัญญาเกิดแด่ท่าน<br />ธนา mastertana<br />ปล.เนื้อหาบางส่วนประยุกต์จากหนังสือ Be Graphic ของ คุณโสรชัย นันทวัชรวิบูลย์sangraweehttp://www.blogger.com/profile/08566253941739990448noreply@blogger.com0